การบังคับคดีแพ่ง
มารู้จักคำว่า "บังคับคดี" กันดีกว่า บางท่านมีปัญหาเกี่ยวกับคดี เช่น ลูกหนี้เบี้ยวเงินไปจำนวนหนึ่ง แล้วมาจ้างทนายความให้ฟ้องลูกหนี้ โดยเข้าใจว่าเมื่อศาลตัดสินแล้วต้องได้เงินคืนแน่ๆ เพราะคดีของตนไม่มีทางที่จะแพ้ ซึ่งก็จริงดังคาด ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เต็มตามฟ้อง แต่จำเลยไม่จ่ายเงินตามคำพิพากษา โจทก์ยังงงไม่หายทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเป็นไปได้อย่างไร ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อจำเลยไม่ชำระก็ยังมีอีกขั้นตอนหนึ่งเรียกว่าการบังคับคดี คือยึดทรัพย์สินของจำเลยมาขายทอดตลาด ขายได้เท่าไรก็นำมาชำระหนี้ มีเงินเหลือก็คืนให้จำเลยหรือลูกหนี้ไป ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่ได้เงิน หรือจำเลยไม่มีทรัพย์อะไรให้ยึด โจทก์หรือเจ้าหนี้ก็ไม่ได้เงินคืนเช่นกัน บางรายศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์เป็นร้อยล้าน แต่โจทก์บังคับคดีไม่ได้เลยแม้แต่สตางค์เดียว คนที่ซวยและถูกด่าคือทนายความครับ โจทก์ก็จะหาว่าทนายความไม่ได้เรื่อง เสียเงินจ้างตั้งมากมาย แต่ไม่ได้เงินเลยสักตังค์
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคดีแพ่งนั้นกฎหมายบังคับเอากับทรัพย์สินของจำเลยหรือลูกหนี้เท่านั้น มิได้บังคับเอากับร่างกายหรือเสรีภาพ ซึ่งความจริงทนายความส่วนใหญ่ก็คงได้อธิบายให้เจ้าหนี้ได้ฟังแล้ว ในเวลาที่มาติดต่อจ้างว่าความ แต่ท่านไม่เข้าใจไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใด แต่ก็ยอมรับว่าทนายความบางคนไม่ได้อธิบายให้เจ้าหนี้ฟังในเวลาที่มาติดต่อจ้างว่าความ แต่ยุให้ฟ้องท่าเดียว เพราะถ้าอธิบายแล้วท่านเกิดเข้าใจเป็นอย่างดี แล้วคิดว่าลูกหนี้มันไม่มีทรัพย์สินอะไรเลยนี่หว่า แล้วกูจะฟ้องมันไปทำไมให้เสียค่าจ้างทนายอีกหลายหมื่นบาท ทนายความผู้นั้นก็เลยอดได้ค่าจ้างสิครับ มันจึงเป็นปัญหาที่ไม่จบสิ้น เจ้าหนี้บางคนมีการศึกษาสูงจบถึงปริญญาโท อธิบายเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเข้าใจสักที คิดอยู่อย่างเดียวเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ในเมื่อตนเป็นโจทก์ก็ต้องได้เงินตามคำพิพากษา เมื่อไม่ได้ก็ด่าทนายความอย่างเดียว หาว่าทนายความไม่มีความสามารถ ปัดโธ่ก็จำเลยมันไม่มีทรัพย์สินอะไร แล้วมันเป็นความผิดของทนายความหรือ ถ้าใครอ่านแล้วคิดว่าเป็นความผิดของทนายความแล้วมีเหตุผลดีกว่านี้ ผมจะกราบเท้าเลยครับ แต่มีการทำงานอีกขั้นตอนหนึ่งเรียกว่า "การทวงหนี้" ท่านต้องแยกให้ออกว่าท่านจ้างทนายความให้ว่าความหรือจ้างไปทวงหนี้ ส่วนใหญ่สำนักงานทนายความทั่วไปจะไม่รับทวงหนี้ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่เปิดแผนกทวงหนี้ด้วย แต่เวลาที่เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ไปติดต่อสำนักงานทนายความจะไม่ได้ใส่ใจว่าจ้างทนายความให้ทำอะไร คิดอย่างเดียวเมื่อทนายความรับเงินค่าจ้างไปแล้วตนต้องได้เงินคืนจากลูกหนี้ ซึ่งถ้าทนายความทำงานเฉพาะการว่าความเท่านั้น การจะได้เงินจากลูกหนี้หรือไม่เป็นไปตามเหตุผลข้างต้น แต่ถ้าทนายความรับงานเฉพาะการทวงหนี้ แล้วทวงไม่ได้แบบนี้ก็สมควรด่าทนายความเพราะรับเงินไปแล้วทำงานไม่บรรลุผล แต่ขอบอกก่อนส่วนใหญ่ที่ไปทวงหนี้จะไม่ใช่ทนายความ เพราะการทวงหนี้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางกฎหมาย แต่เป็นบุคคลประเภทไหนก็รู้กันอยู่
โดย..ทนายกฤษณะ