พิชญา

พิชญา

ผู้เยี่ยมชม

pipitchaya@yahoo.com

  เช่าซื้อรถ รถถูกยึดขายทอดตลาดไปเป็นสิบปีแล้ว แต่หนี้ที่เหลือทำให้ถูกยึดที่ดิน (11287 อ่าน)

2 พ.ค. 2555 12:04

เรียนทนายกฤษณะ


เนื่องจากดิฉันเพิ่งได้รับเอกสารจากกรมบังคับคดี เป็นเรื่องการขายทอดตลาดที่ดินของผู้ค้ำประกัน (ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีเรื่องเช่าซื้อรถยนต์ ที่มีดิฉันเป็นจำเลยที่ 1 ค่ะ) รถยนต์ได้ถูกยึดและขายทอดตลาดไปในปี 2542 ค่ะ โดยที่จำเลยทั้งสองคนไม่ได้รับข้อมูลอะไรในการประมูลรถเลย ไม่ว่าจะเป็นหมายศาลที่เรียกให้ไปขึ้นศาลสู้คดีหรืออื่นๆ
และไม่มีการแจ้งว่ามียอดหนี้คงค้างหลังขายทอดตลาดไปแล้วด้วยค่ะ จึงเข้าใจว่าทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว

จนถึงปี 2552 ดิฉันถึงได้รับเอกสารจากเครดิตบูโรมาว่ามีหนี้จากการเช่าซื้อรถยนต์ในครั้งนั้นอยู่ราว 100,000 บาทค่ะ (ซึ่งก่อนหน้านั้นดิฉันได้เคยตรวจสอบสถานะกับเครดิตบูโรในปี 2549 ก็ไม่พบว่าตัวเองมีหนี้คงค้างอะไรเลย) ทำให้สามีตกใจต้องเข้าไปติดต่อกับทางบ.ลิสซิ่งใหญ่นั้นเพื่อขอชำระหนี้ แต่ทางลิสซิ่งแจ้งว่า หนี้จริงที่ค้างอยู่ คือ 2
แสนกว่าบาทเพราะเขารวมดอกเบี้ยอีก 7.5% ค่ะ (คุยกันล่าสุดเมื่อปี 2552) ขอต่อรองจ่ายที่ 120,000 บาท ทางพนักงานลิสซิ่งก็บอกว่าจะไปคุยกับผู้ใหญ่ให้ แล้วก็หายไปค่ะ โทรไปก็ไม่รับสายเลย

จนพยายามติดต่อเข้าไปอีกครั้งในต.ค. 2553 พนักงานบอกว่ายอดที่ขอนั้นให้ไม่ได้ เลยต่อรองเพิ่มเป็น 150,000 บาทไปค่ะ เขาก็บอกว่าจะเอาไปคุยกับผู้ใหญ่ให้ สามีเลยขอเจรจากับทางผู้ใหญ่ของเขาเอง ปรากฏว่าทางพนักงานไม่ยอม บอกว่าผู้ใหญ่ให้สิทธิ์ขาดกับเขาในการดูแลคดีนี้คนเดียว เขาก็บอกว่าให้รอ แล้วจะแจ้งกลับมาอีกทีว่าได้หรือไม่
ผ่านไปเป็นสัปดาห์ก็ไม่โทรกลับค่ะ พอโทรไปหาก็ไม่รับสายอีกเช่นเคย

เมื่อปีกลางปีนี้ 2554 ดิฉันจึงตัดสินใจเข้าไปขอคัดคดีทั้งหมดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อ่านแล้วก็เข้าใจเนื้อหาคำตัดสินของศาลเพียงว่า ศาลได้กรุณาลดหนี้ตามคำขอของโจทก์จาก สองแสนกว่าบาทพร้อมดอกเบี้ย 15% เหลือแสนกว่าบาทพร้อมดอกเบี้ยอีก 7.5% ต่อปีค่ะ

ตอนแรกไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูไม่อยากได้เงินคืนขนาดนี้นะคะ แต่พอวันนี้ได้รับเอกสารจากกรมบังคับคดีถึงได้เข้าใจแล้วว่า เขาต้องการทรัพย์ของผู้ค้ำประกันที่เป็นจำเลยที่ 2 ค่ะ ซึ่งปัจจุบันผู้ค้ำประกันได้เสียชีวิตไปแล้ว ทรัพย์ตกไปถึงทายาทแล้วถูกยึดมาขายทอดตลาด จะมีการขายครั้งแรกในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งตัวทรัพย์ก็คงขายไม่ได้จำนวนตามตัวหนี้
(ที่ไม่ทราบยอดแน่นอนจนถึงปัจจุบันนี้) อีกแน่นอน เกรงว่าญาติทางผู้ค้ำฯ จะต้องเสียทั้งที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ เพราะดิฉันอีกน่ะค่ะ

ตัวดิฉันเองไม่มีทรัพย์สินอะไรและไม่ได้ทำงาน แต่สามีทำงานอยู่ มีทรัพย์สินติดจำนองเป็นอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียมอย่างละแห่ง และเงินสดอีกจำนวนไม่มาก (จดทะเบียนกันเมื่อปี 2547)

กรณีนี้ดิฉันควรจะต้องทำอย่างไรบ้างคะ เพื่อที่จะปลดปมหนี้ทั้งหมดลงเพราะไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะดิฉันอีกน่ะค่ะ แต่ยอดเงินที่ดิฉันพอจะหาจ่ายได้อยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทเท่านั้นเองค่ะ ถ้าจะเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้โดยตรงเพื่อระงับการขายทอดตลาดจะทันมั้ยคะ หรือหากคุณทนายมีคำแนะนำอย่างไร โปรดช่วยชี้แนวทางให้ด้วยจะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ

222.126.155.54

พิชญา

พิชญา

ผู้เยี่ยมชม

pipitchaya@yahoo.com

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

2 พ.ค. 2555 21:10 #1

ทรัพย์ที่ยึดราคาเท่าไรครับ ถ้าไม่เกิน 150,000 บาท และกลัวทายาทผู้ค้ำประกันจะเดือดร้อน คุณก็ออกเงินประมูลซื้อแล้วโอนกลับไปให้เจ้าของเดิม เวลาประมูลใช้ชื่อแฟนก็ได้ ส่วนเงินที่ขาดเขาคงตามยึดอย่างอื่นไม่ได้แล้วเพราะเกิน 10 ปีแล้ว ที่ดินที่ถูกยึดถ้าไม่สวยจะไม่มีคนเข้าประมูลหรอก

171.97.150.196

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

พิชญา

พิชญา

ผู้เยี่ยมชม

pipitchaya@yahoo.com

4 พ.ค. 2555 03:01 #2

พอดีไม่ทราบราคาจริงของทรัพย์ที่ถูกยึดค่ะ แต่ทางโจทก์ตีราคารวมไว้ที่ประมาณ 280,000 บาท เป็นที่ดิน 4 แปลงใกล้ๆ กัน แต่เป็นที่ตาบอดไป 2 แปลงค่ะ

ล่าสุดโทรไปขอต่อรองกับทางทนายโจทก์เมื่อวานนี้ เค้าบอกว่าลดให้ได้มากสุดที่ 170,000 บาทค่ะ (แต่ต้องรอให้ไปขออนุมัติจากผู้ใหญ่อีก 1 สัปดาห์) แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการถอนอายัดที่ดินด้วยอีกราวๆ หมื่นบาทค่ะ วิธีให้ชำระก็คือ ให้โอนผ่านธนาคาร จากนั้นถึงจะนัดให้ไปทำเรื่องถอนฟ้องที่ต่างจังหวัด (เพราะเค้าบอกว่าฟ้องไว้ที่จังหวัดนั้นด้วย) ส่วนขั้นตอนอื่นๆ เค้าจะแจ้งให้ทราบหลังจากที่ทางผู้ใหญ่อนุมัติให้ชำระหนี้ที่ 170,000 บาทค่ะ

พออ่านคำแนะนำของคุณทนายแล้วไปปรึกษากับสามี ก็กำลังคิดอยู่ว่า ถ้าเข้าไปประมูลที่ดินมา เงินที่ขาดไปเขาจะมายึดจากทางสามีได้หรือไม่คะ (คือ บางคนบอกว่า ถึงจดทะเบียนกันหลังจากศาลตัดสิน เค้าก็ยังตามมายึดส่วนที่เป็นสินสมรสได้น่ะค่ะ เข้าข่ายทแนะใช่มั้ยคะ :r:) ตอนนี้กลัวไปหมดค่ะ ไม่อยากให้ใครมีปัญหาเพราะดิฉันอีก

แล้วสามีก็ห่วงว่า เกิดเค้าเสียชีวิตไป ดิฉันซึ่งเป็นทายาทก็จะได้รับมรดก ถึงตอนนั้นทางโจทก์จะตามมายึดอีกได้รึเปล่าคะ เค้ากลัวว่าสุดท้ายดิฉันจะต้องแก่ตัวไปโดยไม่เหลือทรัพย์สินอะไรติดตัวเลยเพราะหนี้จากรถคันนี้คันเดียว (ปวดหัวกับคำว่าอายุความ 10 ปีมากเลยค่ะ เพราะไม่ทราบว่านับจากตรงไหน วันที่ศาลตัดสิน วันที่กรมบังคับคดีรับเรื่อง วันที่โจทก์สืบเจอทรัพย์... อย่าเพิ่งรำคาญนะค้า... ภาษากฎหมายอ่านแล้วมึนจริงๆ ค่ะ) ที่สำคัญสามีกลัวว่าชื่อดิฉันจะติดเครดิตบูโรไปตลอดชีวิต ในวันที่เค้าไม่อยู่แล้ว ดิฉันจะทำธุรกรรมเองได้ลำบากน่ะค่ะ

ขอรบกวนให้คำแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

222.126.155.54

พิชญา

พิชญา

ผู้เยี่ยมชม

pipitchaya@yahoo.com

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

4 พ.ค. 2555 21:59 #3

ตามที่คุณโพสต์มาครั้งแรก คดีน่าจะถึงที่สุดมาเกิน 10 ปีแล้ว เขาจะไปยึดทรัพย์อีกไม่ได้ อายุความ 10 ปี ดูวันที่ศาลตัดสิน แล้วนับไปอีก 1 เดือน เริ่มนับหนึ่งหลังจากวันที่ครบ 1 เดือน

171.97.177.14

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

พิชญา

พิชญา

ผู้เยี่ยมชม

pipitchaya@yahoo.com

4 พ.ค. 2555 23:41 #4

ขอบพระคุณมากเลยนะคะสำหรับคำตอบ อ่านแล้วรู้สึกโล่งใจ หายใจได้คล่องขึ้นมากจริงๆ ค่ะ _/|_

คดีตัดสินไปเมื่อปี ธ.ค. 2544 ตามหมายเลขคดีดำและคดีแดงระบุไว้เป็น xxxx/2544 ส่วนเลขบังคับคดีเป็น xxxxx/2545 ค่ะ

ตอนนี้ค่อยเบาใจหน่อยว่าจะไม่ได้ก่อปัญหามาถึงสามีแล้ว เหลือแต่เพียงต้องไปประมูลที่ดินกลับมาคืนให้ทายาทผู้ค้ำประกันเท่านั้น


ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ และขอคุณพระคุ้มครองให้คุณทนายกฤษณะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวตลอดไปนะคะ


222.126.155.54

พิชญา

พิชญา

ผู้เยี่ยมชม

pipitchaya@yahoo.com

สมศรี

สมศรี

ผู้เยี่ยมชม

somsri@sut.ac.th

27 พ.ค. 2556 13:02 #5

ขอปรึกษาค่ะ รถมอเตอร์ไซด์ถูกยึดคืนหลายปีแล้วผ่อนกับไฟแนนท์ จีอี มีเจ้าหน้าที่ของบริษัท กฏหมายไทยโทรมาบอกว่าต้องจ่ายส่วนต่างก็เลยบอกให้เค้าส่งเอกสารมายอดประมาณ หมื่นกว่าบาท แล้ววันหลังเค้าโทรมาอีกก็ถามเค้าว่า เคยถูกยืดรถของบริษัทอื่นไม่เห็นต้องจ่ายส่วนต่างคุยกันหลายคำเค้าบอกว่าเราแอบอ้างเป็นเราเค้าก็เลยให็ฝ่ายกฏหมายโทรมาแล้วเค้าก็พูดไปว่าเป็นคดีนั่นโน่นนี่เราก็เลยชี้แจงบ้างแต่เค้ากลับพูดไม่สุภาพว่า ถ้าพูดจบแล้วกรุณาเอามือขวาปิดปากแล้วก็ฟังด้วยแล้วเค้าบอกว่าเค้าจะฟ้องต้องทำอย่างไรบ้างคะ

202.28.41.6

สมศรี

สมศรี

ผู้เยี่ยมชม

somsri@sut.ac.th

พอใจ

พอใจ

ผู้เยี่ยมชม

powjailae2012@hotmail.com

6 มิ.ย. 2556 17:46 #6

ขอถาม ว่าเมื่อปี 52 รถถูกยึด และเรื่องถึงศาล ศาลให้จ่ายส่วนต่างที่เสียหาย 40,000 บาท โดยให้ไปนัดคุยจ่ายกันเอง หลังจากนั้น บริษัทเงียบหายไปเลย แต่เมื่อไม่นานมา ปี 56 ทนายบริษัทมาทำหน้าที่ทวงเงิน ที่ศาลตัดสิน เราจะทำอย่างไร ดีจะจ่ายอย่างไร

จาก พอใจ:-_-:

171.4.223.158

พอใจ

พอใจ

ผู้เยี่ยมชม

powjailae2012@hotmail.com

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

8 มิ.ย. 2556 01:00 #7

บริษัทไฟแนนซ์ไม่ได้เงียบหายไปไหนหรอก เขารอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ถ้าคุณไม่จ่ายเขาก็จะบังคับคดีโดยยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด หรือหากตรวจพบบัญชีเงินฝากธนาคารเขาก็จะอายัดเงินดังกล่าวรวมทั้งเงินเดือนที่นายจ้างจ่ายให้คุณ ในกรณีที่ทำงานเป็นลูกจ้าง

58.11.209.154

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

Jasmin

Jasmin

ผู้เยี่ยมชม

Gohyao11289@gmail.com

21 ก.ค. 2557 18:31 #8

เรียนทนายกฤษณะ
ดิฉันพึ่งได้รับเอกสารจากบริษัททวงหนี้การค้ำประกันรถแจ้งว่าได้ไปค้ำรถมอเตอร์ไซด์เมื่อเกือนกพ.2545 และรถได้ถูกยึดเดือนมีค.และได้มีการขายทอดตลาด เดือนพค.2545 แต่พอปี2557 มีเอกสารทวงหนี้ให้ไจ่ายค่าส่วนต่างประมาณ 20000 บ.ดิฉันซึ่งก่อนหน้านั้นไม่เคยมีเอกสารจัดส่งยค่ะพึ่งจะมีปีนี้ซึ่งก็ล่วงเลยมา12ปีแล้วดิฉันอยากทราบ่าหมดอายุความแล้วหรือยังคะ และดิฉันต้องทำอย่างไรบ้างค่ะเนื่องจากเอกสารส่งไปที่บ้านต่างจังหวัดทำให้คนที่บ้านเป็นห่วงและกังวลใจมากค่ะขอความกรุณาชี้อนะแนวทางด้วยนะคะเนื่องจากตอนนี้เป็นทุกข์มากค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ

171.99.84.47

Jasmin

Jasmin

ผู้เยี่ยมชม

Gohyao11289@gmail.com

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish@krishnalawyer.com

23 ก.ค. 2557 22:39 #9

น่าจะขาดอายุความแล่้วครับ

1.47.137.162

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish@krishnalawyer.com

หมู

หมู

ผู้เยี่ยมชม

beejanjira2535@gmail.com

25 ก.ย. 2557 00:53 #10

เรียนทนายกฤษณะ
พอดีว่าแฟนโดนยึดรถของบริษัทคูโบต้านะคะ ศาลสั่งให้จ่าย ประมาณ190,000บาทแต่ที่มีปัญหาคือว่าทางบริษัทบอกว่าให้จ่าย20%ของศาลสั่ง ประมาณ 40,000 บาท คะ เรายินยอมที่จ่ายให้ครบแต่ติดที่ว่าเราไม่มีเงินก้อนที่จะจ่าย ถามทางบริษัทว่าจ่ายเป็นงวดได้ไหม เขาบอกว่าได้ แต่งวดแรก และทุก 6 เดือน ต้องจ่าย ประมาณ 30,000-40,000บาท ให้หมดภายใน 2 ปี ทางเราไม่มีเงินเลยจริงๆเพราะแฟนทำงานอยู่คนเดียว เงินเดือนก็ได้ หมื่นนิดๆ จริงๆอยากปล่อยให้คดีหมดอายุความ แต่กลัวว่าทางบริษัทจะไปยึดหนี้จากผู้ค้ำประกัน คือไม่อยากให้เขาเดือดร้อนค่ะ รถคันนี้ 5ปีแล้วค่ะ แต่ศาลสั่งฟ้องปีนี้ ช่วยหน่อยน่ะคะ คือเครียดมากเลยค่ะ

223.205.248.55

หมู

หมู

ผู้เยี่ยมชม

beejanjira2535@gmail.com

แสงสุริยัณย์ เสือชาวนา

แสงสุริยัณย์ เสือชาวนา

ผู้เยี่ยมชม

oop1212@hotmail.com

16 ก.พ. 2558 12:26 #11

รบกวนหน่อยครับ...
ตอนปี40ไฟเเนนได้ทำการยึดรถไปผ่านมา17ปีตอนนีมีจ.มจากสำนักงานทนายส่งจดหมายให้มาชำระหนี้เป็นจำนวน20000กว่าบาท....ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับมีแนวทางแก้ไขอย่างไรบางครับ....บอกให้ชำระพายใน7วัน

รบกวนช่วยตอบด้วยนะครับ

113.53.86.104

แสงสุริยัณย์ เสือชาวนา

แสงสุริยัณย์ เสือชาวนา

ผู้เยี่ยมชม

oop1212@hotmail.com

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

16 ก.พ. 2558 20:34 #12

ข้อเท็จจริงที่โพสต์ถามมา ตามกฎหมายถือว่าขาดอายุความแล้ว

ทนายกฤษณะ

ทนายกฤษณะ

ผู้เยี่ยมชม

krish1936@gmail.com

ตอบกระทู้
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้