เรื่องมีอยู่ว่า ขึ้นศาลแล้วถูกศาลสั่งให้แพ้คดีเรื่องเงินกู้ยืมครับ โดยที่ผมเป็นทายาทโดยธรรม เนื่องจากภรรยาผมที่เสียชีวิตไปแล้วได้ไปกู้ยืมเงินมาโดยทำสัญญาโดยที่ผมไม่ทราบว่าทำจริงหรือไม่จริง โดยที่ผมแพ้คดีเนื่องจาก ศาลให้สืบพยานโจทย์เพียงฝ่ายเดียว ผมไปขึ้นศาลทุกครั้ง แต่ครั้งแรกได้เซนต์ใบนัดสืบพยาน(โดยที่ผมยังไม่ได้มีทนายโดยไปกันเอง) แต่ไม่ได้ยื่นคำให้การเพราะทนายฝ่ายโจทย์ได้เล่นแง่โดยการถือเอกสารไว้ไม่ให้ทางผมที่ไม่รู้กฎหมายแล้วให้เซนต์รับทราบว่ามาสืบพยานแค่นั้น พอถึงวันสืบพยาน ศาลอ้างเหตุผลไม่ให้ผมสืบพยานเพราะประวิงเวลา เรื่องการยื่นคำให้การ หลังศาลนัด15 วัน ทำให้ถึงอย่างไร ผมคงต้องแพ้คดีโดยแน่นอนตามที่ทนายผมได้บอก หลังจากการสืบข้อซักถามฝ่ายพยายโจทย์โดยทนายผม ได้ข้อพิรุธหลายอย่าง แต่ทางผมไม่สามารถหักล้างได้เนื่องจากไม่ได้สืบพยาน หากผมแพ้คดีแล้ว ทางเจ้าหนี้ได้ทำการบังคับคดีแล้วมายึดทรัพย์ แล้วเช่นนี้ผมต้องชดใช้หนี้หรือไม่ครับ ส่วนเรื่องของผู้ที่ไปกู้ยืมที่ตายไปแล้วนั้น ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรตกถึงผมเลย และไม่มีทรัพย์สินใดๆด้วย เช่นนี้แล้วผมต้องรับผิดชอบหนี้แทนหรือไม่ครับ เนื่องจากผู้ตายเป็นภรรยาผมที่จดทะเบียนสมรส แต่เราไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆเลย ผมจะมีก็มีที่ดิน ที่ทางแม่ของผมที่แบ่งให้พี่น้องทุกคนนิดหน่อยตอนหลังจากที่แม่เสียชีวิต มิได้เป็นสินสมรส หรือหาได้มีร่วมกันตอนอยู่กินฉันสามีภริยาไม่ หากมีเจ้าพนักงานบังคับคดีมาขนของจากบ้านผม(บ้านเช่าของญาติ)โดยที่ทรัพย์สินไม่ใช่ของผู้ตาย จะผิดกฎหมายหรือไม่ครับ เนื่องจากผมอาศัยบ้านญาติอยู่ กลัวเค้าจะมานำสิ่งของจากบ้านญาติไปทำให้เค้าเดือดร้อน รบกวนตอบข้อสงสัยให้ผมทีครับ ตอนนี้เครียดมาก ขอบพระคุณครับ

กรณีของคุณ เจ้าหนี้เขาฟ้องลูกหนี้ไม่ได้เพราะตายไปแล้ว กฎหมายจึงอนุญาตให้เขาฟ้องผู้รับมรดกของผู้ตายได้ ซึ่งมิได้หมายความว่าคุณจะต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวไปใช้หนี้เขา แต่ให้นำสินส่วนตัวหรือสันสมรสส่วนของภรรยา เฉพาะที่คุณได้รับมรดกมา ถ้าไม่มีหรือไม่ได้รับก็ไม่ต้องใช้หนี้ หรือไม่อยู่ในข่ายของการถูกบังคับคดี ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีมายึดไป ก็ต้องไปร้องขอคืน ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า "ร้องขัดทรัพย์"

ขอบพระคุณมากๆคะ