ซึ่งเหตุการมันเกิดขึ้นตอนประมาณตี 4 ของวันที่ 24 พฤศภาคม 2554 พ่อผมก็ออกไปรอรถประจำตามปกติพ่อผมเขาจะยืนอยู่บนฟุตบาตรต้องขอย้ำนะครับว่าบนฟุตบาตร และตอนเกิดเหตุ ได้มีรถเก๋ง คันหนึ่ง ขับมาด้วยความเร็วจากเลนส์ขวาสุดซึ่งเป็นถนนเพชรเกษมนะครับ ซึ่งมีทั้งหมด 4 เลนส์ รถเก๋งคันนี้ขับมา เลนส์ 4 ด้วยความเร็วได้ชนคนแก่คนหนึ่งบริเวณเลนส์ 4 ซึ่งแกข้ามถนนหรืออะไรก็มิทราบเสียชีวิตโดยที่ศีรษะขาด และหลังจากที่ชนศพแรกแล้วรถเก๋งคันนั้น ก็หักเป๋เข้ามาชนพ่อผมซึ่งยืนรอรถประจำทางอยู่บนฟุตบาตรเสียชีวิตคาที่เช่นกันซึ่งพ่อผมอยู่ห่างจากจุดแรกถึง 100 เมตร แต่รถเก๋งคันนั้นกลับหักพวงมาลัยมาชนพ่อผมทันที

ซึ่งต้องบอกก่อนว่าพ่อผมเป็นหัวหน้าครอบครัวรายจ่ายทั้งหมดก็อยู่ที่พ่อผม ซึ่งพ่อผมนั้นได้รับราชการเป็นบุคคลของรัฐ คือพ่อผมอยู่สำนักรักษาความสะอาด กรุงเทพมหานคร ทำอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เงินเดือนของพ่อผมตอนนี้อยู่ที่ 13,000เศษๆ และเงินเดือนพ่อผมยังไม่ตันคือสามารถเพิ่มได้อีกจะตันอยู่ที่่ 14,800 บาท ซึ่งโอกาสที่เงินเดือนพ่อผมจะขึ้นไปตันนั้นมีสูงเลยทีเดียวเพราะพ่อผมทำงานทุกวันไม่หยุดแม้กระทั่งเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ ส่วนค่าล่วงเวลาพ่อผมนั้นก็อยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท เบ็ดเสร็จแล้วพ่อผมได้รับเงินเดือนประมาณ 20,000บาท เศษๆ ซึ่งตอนนี้พ่อผมอายุเพียง 45 ปีเท่านั้นยังมีอายุราชการอีก 15 ปีเลยทีเดียว และมีสิทธิที่ได้ได้บำเหน็จบำนาญด้วยเพราะพ่อผมบรรจุเป็นข้าราชการแล้ว

ส่วนในเรื่องของสวัสดิการก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะครับว่าข้าราชการเป็นยังไง ลูกเมียสามารถที่จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ และที่สำคัญพ่อกับแม่ของพ่อผมซึ่งก็คือ ปู่กับย่าของผมก็ยังอยู่เป็นหลายโรคเลยทีเดียว ก็ได้ค่ารักษาพยาบาลจากพ่อผมนี่แหละเวลาไปหาหมอก็สามารถเบิกจากสวัสดิการของพ่อผมได้ อ้อ!และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือผมนั้นยังศึกษาอยู่ตอนนี้อยู่ชั้น ปวส.ปี1 แล้วจำเป็นต้องใช้จ่ายอีกมากซึ่งเมื่อพ่อผมมาเสียไปก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยหล่ะคับ

มาพูดถึงเรื่องของคดีนะคับ คือ ตอนนี้ผมเรียกค่าเสียหายไป 3 ล้านบาท แต่ประกันมีงบให้ 450,000 ผมควรจะทำยังไงดีคับนี่ก็ไกล่เกลี่ยมาแล้วสองรอบ และวันพฤหัสนี้จะเป็นรอบที่สามอาจจะเป็นรอบสุดท้ายแล้วเพราะตำรวจจะส่งสำนวนขึ้นศาลแล้วถ้ายังคุยกันไม่ได้ คุณทายคิดว่าผมควรจะสู้คดีต่อหรือป่าวคับ และคิดว่าผมจะมีโอกาสได้ค่าเสียหายประมาณเท่าไรหรอคับ ถ้ามีการฟ้องร้องขึ้นโลงขึ้นศาลอ่ะคับ

ขอต่ออีกหน่อยนะคับ คือมาว่าถึงคู่กรณีนะคับ ซึ่งงานศพพ่อผมสวดทั้งหมด 5 คืนนะคับ แต่เชื่อหรือไม่ว่าทางคู่กรณีนั้นไ่ม่คิดที่จะติดต่อหรือมาเคารพศพพ่อผมเลยสักวันเดียวคับ แต่ว่าคู่กรณ์ก็ได้ส่งตัวแทนมาก็คือพ่อของเขาเองแหละคับตอนมาไกล่เกลี่ยรอบแรกและรอบสอง แต่เชื่อหรือไม่ว่าเขามีอะไรก็โยนให้ประกันจัดการหมดเลย ซึ่งเขาไม่พูดถึงเรื่องของสินน้ำใจอะไรแม้แต่น้อยเลย เขาไม่คิดที่จะมาพูดหรือเจรจาอะไรกับผมหรือว่าแม่เลยหรือมาขอโทษก็ยังดี เขากับเต๊ะท่้าอย่างน่าหมั่นไส้ มันทำให้ผมเสียความรู้สึกอย่างมากเลยครับ ยังงี้ผมควรทำไงดีคับ

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ กรณีดังกล่าวค่าเสียหายที่จะเรียกได้คือ 1. ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการจัดงานศพ 2. ค่าขาดไร้อุปการะสำหรับคุณซึ่งเรียกได้ถึงอายุ 20 ปี เท่านั้น กล่าวคือสมมุติว่าปัจจุบันอายุ 18 ปี ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ ค่าเทอมอุปกรณ์ศึกษา คำนวณออกมาปีละเท่าใด ก็เรียกได้อีก 2 ปีเท่านั้น แต่บุคคลอื่นนอกจากนี้ เช่น คุณพ่อซึ่งมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูคุณปู่คุณย่า คิดเป็นเดือนๆ ละเท่าไร ก็สามารถเรียกได้ รวมทั้งคุณแม่ซึ่งเป็นภรรยา ก็สามารถเรียกได้ แต่ต้องจดทะเบียนสมรส
กรณีค่าเสียหายที่คำนวณมากกว่าจำนวนเงินที่ประกันภัยจะจ่าย ก็ต้องเรียกจากจำเลย หรือในกรณีที่จำเลยยังเป็นผู้เยาว์อยู่ก็ต้องเรียกให้บิดามารดาชดใช้ด้วย กรณีค่าเสียหายอย่าไปยอมแค่บริษัทประกันภัย
ส่วนกรณีที่จำเลยไม่ยอมขอโทษ หรือไม่ไปงานศพ ต้องแถลงให้ศาลทราบหรือเบิกความในการสืบพยาน เพื่อให้ศาลลงโทษโดยไม่รอลงอาญา หลังจากนี้มีปัญหาอะไรก็สอบถามได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจครับ

ขอบขอบพระคุณทนายกฤษณะเป็นอย่างสูงนะครับ ที่ช่วยแนะแนำและให้ข้อมูลครับ ถ้าผมมีเรื่องสงสัยอีกผมจะขอรบกวนทนายกฤษณะอีกนะคับ ขอขอบคุณมากครับ