ให้คนรู้จักกู้ยืมเงินไปจำนวนหนึ่ง โดยในวันที่ให้เงินเค้าไป ผู้กู้ได้ทำสัญญากู้ยืมไว้ให้ ลงลายมือชื่อผู้กู้ไว้ให้ผม
แล้วได้นำโฉนดที่ดินของบุคคลที่สามมามอบให้แก่ผม โดยมีหนังสือให้ความยินยอมของบุคคลที่สามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน
มามอบให้ผมด้วย โดยข้อความในหนังสือให้ความยินยอมระบุว่า เจ้าของที่ดินยินยอมที่จะให้ผมยึดถือโฉนดที่ดินฉบับนี้
เพื่อเป็นประกันการะชำระหนี้ จนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้แก่ผมเสร็จ แล้วลงลายมือชื่อเจ้าของที่ดินไว้ท้ายหนังสือให้ความยินยอม
โดยมีผู้กู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานไว้ ผมก็เลยมอบเงินกู้ให้แก่เขาไปในวันทำสัญญา โดยที่ในวันที่ทำสัญยากู้กันผมไม่เห็นตัว
เจ้าของที่ดินมาแสดงตัว เพียงแต่ยึดถือสัญญากู้ หนังสือให้ความยินยอม และโฉนดที่ดินไว้
เมื่อครบกำหนดตามสัญยากู้ยืม ผู้กู้ไม่ชำระเงินแก่ผม ผมก็ไปทวงถาม แต่ก็ไม่ชำระแก่ผม
ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยลองเอาโฉนดที่ดินไปที่สำนักงานที่ดินดู ก็พบว่า เจ้าของที่ดินได้แจ้งว่าโฉนดที่ดินหาย และออกใบแทนโฉนด
ที่ดินไปก่อนหน้าที่ผู้กู้จะเอาโฉนดที่ดินให้ผมยึดถือไว้ซะอีก เจ้าหน้าที่บอกผมว่าถ้ามีการออกใบแทนไปแล้ว เท่ากับผมยึดถือกระดาษ
เปล่าๆ เท่านั้น เมื่อผมตรวจสอบโฉนดที่ดินใบที่นำมาให้ผมยึดถือไว้ กับใบแทนโฉนดที่ดินที่สำนักงานที่ดิน ปรากฎว่าที่จริงแล้วโฉนดที่ดินแปลงนี้มีเจ้าของสองคน แต่โฉนดที่ดินที่ผมยึดถือไว้มีเจ้าของที่ดินเพียง 1 คน เนื่องจากมีรอยขีดฆ่าชื่อของเจ้าของร่วมอีกคนออกแล้วเซนต์ชื่อกำกับไว้ คงเหลือแต่ชื่อเจ้าของที่ดินชื่อเดียวกันกับคนที่ทำหนังสือให้ความยินยอมให้ แล้วเจ้าของที่ดินปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ย้ายที่อยู่ไปหมดแล้ว ซึ่ง ชื่อ - นามสกุล และที่อยู่ที่เขียนไว้ในหนังสือให้ความยินยอมล้วนเป็นชื่อเก่า นามสกุลเก่า และที่อยู่เก่าทั้งหมด ผมสงสัยว่าผมถูกหลอกครับ อยากทราบว่า ผมจะดำเนินคดีอาญากับคนทั้งสองนี้ได้ไหมครับ ข้อหาใดครับ

ที่ถามว่าจะดำเนินคดีอาญากับคนทั้งสองได้ไหม คงหมายถึงคดีฉ้อโกงตามความเห็นของผม ไม่น่าจะผิดฉ้อโกง เพราะการที่ลูกหนี้นำโฉนดของบุคคลอื่นมาให้คุณยึดถือไว้ ตามกฎหมายคุณไม่สามารถไปยึดที่ดินที่ดินแปลงนี้เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ได้เลย เพราะไม่ได้นำมาจำนอง คุณมีสิทธิเพียงแค่ยึดถือโฉนดไว้แค่นั้นเอง และเป็นการเข้าใจผิดของคุณจึงให้เงินตามสัญญากู้แก่ลูกหนี้ไป คงฟ้องได้แต่ทางแพ่งเท่านั้นครับ