[size=150%]
สวัสดีครับผมรบกวนช่วยอ่านเรื่องของผมด้วยนะครับผมเล่าอะเอียดจึงยาวหน่อยนะครับ

โดนข้อหาลักทรัพย์อยากปรึกษาปัญหาหน่อยครับ คือเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 55 ผมได้ทำการลักทรัพย์<เครื่องขยายเสียง 2ชิ้น > มูลค่าประมาณ5000บาท ในเวลา 13.00น โดยประมาณ แล้วผมได้นำทรัพย์ที่ขโมยมาไปซ่อนไว้ในป่าข้างทางก่อนเพื่อจะไปหาที่ขายแร้วรุ่งเช้าวันที่ 3 พ.ค. 55 เวลา 7.00น ผมได้ไปติดต่อขายแต่ไม่มีใครชื้อผมจึงเดินทางกลับบ้านแร้วเวลา 10.00น โดยประมาณของวันที่ 3 พ.ค. 55 ได้มีตำรวจ 2 นายมาเชิญตัวไปสอบปากคำ โดยเจ้าทุกข์ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้เวลา ช่วงเย็นๆของวันที่ 2 พ.ค. 55 ว่าเครื่องขยายเสียงได้หายไป สงสัยว่าเป็นผม จึงมีเจ้่าพนักงาน<ตำรวจ>มาเชิญตัวผมไปสอบปากคำ ผมกับพี่สาวก็ได้ขี่รถมอไซค์ตามตำรวจไปที่โรงพัก พอถึงห้องสอบสวนผมก็ได้เจอเจ้าทุกข์ ตำรวจกับเจ้าทุกข์ได้ถามผมว่าได้ขโมยเครื่องเสียงดังกล่าวไปหรือไม่ ผมตอบไปว่าไม่ได้เอา เจ้าทุกข์ได้พูดออกมาว่า ถ้าเอาไปเอามาคืนสะเหอะจะไม่เอาเรื่องอะไรเลย ผมคิดในใจว่าเครื่องเสียงก็ไม่มีมูลค่าจะเอาไปขายที่ไหนก็ไม่ได้เพราะมันเป็นของจีนแดงผมจึงยอมรับว่าผมเอาไปจิง แล้วตำรวจถามผมว่าของอยู่ไหนผมบอกว่าอยู่ในป่า ตำรวจให้พาเขาไปเอาที ผมก็พาไปได้เครื่องเสียงดังกล่าวกลับมาแล้วพอเดินทางถึงโรงพัก ผมก็ไม่เจอหน้าเจ้าทุกข์เลย แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจถือกระดาษมานึงใบแล้วสอบปากคำผม ถามว่าขโมยตอนเวลาไหน ผมก็บอกไปตามความจิง เจ้าหน้าที่ก็จดลงอ่านดาษตามที่ผมบอก เจ้าหน้าที่ได้ถามมาคำถามนึงคือว่า ลักขโมยไปเพื่อเสพยาใช่ไหมผมก็ตอบไปว่าใช่เพราะถ้าผมโกหกเขายังไงๆก็ต้องตรวจฉี่ผมอยู่แล้วผมหน้าตาผมมันฟ้องว่าขี่ยา ตำรวจก็บอกว่าเจ้าทุกข์เขาไม่ยอมความนะเขาได้แจ้งข้อกล่าวหาผม ผมก็บอกว่าแล้วไหนบอกว่ายอมความ ตำรวจก็บอกว่าก็ผมไปขโมยของเขาเขาไม่ยอม <โกหกกันชัดๆ> ผมก็ทำไงได้อะผมไปขโมยของๆเขา ตำรวจได้พาตัวผมไปตรวจฉี่ที่ ร.พ. ผลออกมาว่าเสพเมทฯ ตำรวจพาตัวผมกลับโรงพักพร้อมเอาตัวผมเข้าห้องขัง ผมโดยขังอยู่สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนนึงมานำตัวผมไปพิมลายนิ้วมือ โดยพิมลายนิ้วมือลงไปในกระดาษ2ใบ ใบที่ 1 ได้เขียนที่หัวข้อด้านบนว่า คดีลักทรัพย์ ใบที่ 2 ได้เขียนหัวข้อได้บนว่า คดีเสพเมทฯ พอพิมลายนิ้วมือเส็จ เขาก็พาผมเข้าห้องขังต่อ พอเวลารุ่งเช้าต่อมา วันที่ 4 พ.ค. 55 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวผมไปขึ้นศาลผมก็ไปกับเขาพอถึงศาลตำรวจได้นำตัวผมขังในห้องตัดสิน ที่ขึ้นบรรลังพากล้องหน้าจอทีวี ผมรออยู่จนเวลา 15.00 น ศาล<ในจอทีวี>ได้เรียกชื่อผมขึ้นบรรลัง ศาลได้ถามผมว่าคุณเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 <เมทฯ> ใช่หรือไม่ผมตอบว่าใช่ศาลได้ตัดสินว่า ให้ส่งตัวผมไปเพื่อตรวจพิสูจน์ที่ เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง คุณจะยอมรับไหม ผมตอบไปว่า ยอมครับ ทั้งๆที่ในใจผมเองยังไม่รู้เลยว่าตรวจพิสูจน์นี่คืออะไร ตำรวจได้นำตัวผมพร้อมถือกระดาษอะไรไม่ทราบ1ใบกลับมาที่โรงพักแร้วขังผม พอถึงวันที่ 14 พ.ค. 55 ผ่านไปได้11วันหลังจากขึ้นศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผมพร้อมคนอื่นที่เสพเมทฯ รวม 6คน ขึ้นรถนำตัวไปส่งที่ เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง พอถึงที่หมาย ได้มีผู้คุม<ลูกจ้างประจำของรัฐ> มารับตัวพร้อมให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุด เสื้อสีน้ำตาล กางเกงสีน้ำตาล มีหมายเลขติดอยู่ด้วย หลังจากนั้นผู้คุมได้สอบปากคำผม ถามทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับตัวผม ท้ายสุดได้ถามว่า ได้เสพยาล่าสุดเมื่อวันที่เท่าไร ผมตอบไปว่า วันที่ 1 พ.ค. 55 จำนวน 1 เม็ด หลังสอบปากคำเส็จผู้คุมได้นำตัวผมเข้าห้องขัง ห้องขังนั้นจุคนได้จำนวนประมาณ 60 ราย แต่ตอนนั้นรวมพวกผมที่ไปใหม่ด้วยก็จะมีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์แบบผมทั้งหมด 54 ราย หลังจากขึ้นศาล 37 วัน ตำรวจได้มาอายัดตัวผมกลับโรงพักเพื่อไปขึ้นศาล วันที่ 8 มิ.ย. 55 ผมได้ขึ้นศาล ศาลตัดสินว่า ผมไม่ได้อยู่ในหลักเกณต์ที่จะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 จำคุก 1ปี โทษจำคุกในเปลี่ยนมาเป็นรอลงอาญา 1ปี ปรับ 10,000บาท ช่วยงานบริการ 24 ซ.ม. วันนั้นผมได้เสียเงินค่าปรับไป 2600 บาท เพราะหักจากวันที่ติดไป37วัน หลังจากนั้นผมได้กลับบ้าน แล้ววันนี้วันที่ 25 ต.ค. 55 ตำรวจได้เรียกตัวผมไปหาเพื่อจะส่งฟ้องอัยการอีก 1 คดี กับผม ผมได้ไปตามนัดและตำรวจได้พาผมไปที่สำนักงานอัยการจังหวัด พนักงานในสำนักงานอัยการได้ส่งใบนัดให้ผมใบนั้นเป็นใบสีฟ้าเขียนไว้ว่า ใบนัดส่งตัว ชื่อ-นามสกุล "ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร" ทำไมผมจึงโดนข้อหานี้ครับ ทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ผมผิดจริงที่ไปลักทรัพย์เขาและเสพยา ผมยอมรับทั้งหมดที่ผมทำไป แต่นี้ทำไมผมจึงโดน "ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร" ผมพยายามไกล่เกลี่ยกับเจ้าทุกข์ เรื่องค่าเสียหายเพราะเขาบอกว่าเครื่องเสียงเขาเสีย ทางผมยินดีชื้อชดใช้ให้เครื่องใหม่ๆเลย แต่ทางเขาทำเฉยๆ จนมาถึงวันนี้ผมโดน "ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร" ได้ยังไงแล้วผมต้องติดคุกหรือไหม ผมยอมชดใช้ให้ทุกๆอย่างที่เขาต้องการแต่ทางเขาทำเฉย ผมจะต้องทำเช่นใดดีครับ ลักทรัพย์กับเสพนี้ผมโดนพร้อมกันครั้งแรก แต่ฟ้องคดีเสพผมก่อนรอลงอาญาไว้ แล้วมาเจอคดีลักทรัพย์อีกจะเป็นคดีที่ 2 หรือเป็นคดีที่ 1 ที่ผู้ต้องหาไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนรึป่าวครับ แล้ววันที่ 1พ.ย. 55 นี้ผมต้องไปเป็นทหารเกณ์ ในใบนัดให้ผมไปวันที่ 21 พ.ย 55 นี้อีกผมสับสนมากเลย ผมไม่ได้ขโมยกลางคืนหรือรับของโจรอะไรใดๆนั้นเลย ผมขโมยตอนกลางวันเวลา 13.00 น แบบนี้ผมก็ซวยอะดิ แนะนำหน่อยครับว่าควรทำเช่นใดดี ขอบคุณมากๆที่อ่านกระทู้ผมซึ่งยาวมากผมเล่าให้ละเอียดๆอะครับ เพื่อผมจะได้คำแนะนำถูก[/size]

คดีลีกทรัพย์ยอมความไม่ได้ ถึงผู้เสียหายจะไม่เอาเรื่องแต่เมื่อเขาแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ตำรวจต้องดำเนินคดี ส่วนลักทรัพย์เวลาไหนถ้าตำรวจส่งเรื่องให้อัยการแล้ว ให้แจ้งแก่อัยการไปว่าตำรวจลงข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง ให้สอบปากคำใหม่ ส่วนประเด็นถูกฟ้องข้อหาเสพก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องกระทำความผิดมาก่อน

ถ้าเจ้าทุกข์ยอมความ และเจ้าทุกข์ขึ้นบรรลังแจ้งต่อศาลว่าไม่ติดใจเอาความ แต่ยังไงผมก็ต้องโดนตัดสินโทษใช่ไหมครับโทษของผมจะมีสิทธิ์รอการลงโทษไว้ก่อน มากไหมครับ ผมไม่เคยกระทำผิด ยอมรับสาระภาพ แล้วผมเป็นทหารเกณ์ถือว่าเปนบุลคของรัฐ ศาลจะเห็นใจตัดสินโทษเปงรอการลงโทษหรือรอลงอาญาไหมครับ

จะรอลงอาญาหรือไม่อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล เนื่องจากความผิดฐานนี้โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ผมจึงไม่กล้าฟันธงว่าศาลจะรอลงอาญาหรือไม่

ผิดตั้งแต่เสพยา แล้วครับ ถ้าคุณไม่เสพ ปัญหา ทั้งหมดก็คงไม่เกิด เลิกซะ !!:k:

คุณยังไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐคับ ผมบอกตามตรงคุณยังไม่ได้เกณท์ทหารเลย อีกอย่างคดีลักทรัพย์นั้นเป็นความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ แม้เจ้าทุกข์ไม่ติดใจเอาความก็ตาม แต่เป็นเรื่ีองที่ศาลจะนำไปพิจารณาลดโทษเท่านั้นเองในเรื่องของการยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย

ผมและภรรยาเลิกกันแล้วแต่ภรรยาเอาของในห้องเช่าซึ่งเป็นชื่อผมแจ้งความลักทรัพย์ได้หรือไม่

ตอบแล้วในห้องคดีครอบครัว

แล้วกรณีขโมยเงินนายจ้าง.....แล้วถูกเจ้าของร้านจับได้..จึงยอมรับสารภาพ ลูกจ้างขโมยเป็นจำนวนเงิน 200,000 แต่นายจ้างบอกเงินหายไป 600,000 แต่เนื่องจากลูกจ้างทำงานมา 10 ปี จึงเรียกร้องเงิน 300,000 บาท

ควรจะทำอย่างไรดีครับ เพราะ.......ตอนแรกบอก 80,000 ผ่านมา 2 วันเรียกไปคุยบอกขอ 115,000 จ่ายไปแล้วผ่านไป 1 วัน

แล้วเรียกเงินอีกเพราะนายจ้างบอกเงินหาย 600,000 จึงขอจ่าย 300,000 ตอนนี้เหลือ 280,000 ควรจะทำอย่างไรดีครับตอนนี้

เพราะดูแล้วมันไม่จบนะครับ.......

ควรจะให้เขาแจ้งความเพื่อที่จะจบตรงนั้นดีไหม.....และให้เขาถอนฟ้องอีกวันเพื่อไม่ให้เอาความหรือไม่เป็นคดีอาญาดีไหมครับ

แจ้งความแล้วถอดฟ้องดีไหมครับ...หรือยอมจ่าย 300,000 ดี แล้วระบุว่าจะกันไปจะได้ไหมครับท่าน.ช่วยด้วยครับ

ขอบคุณครับ

ถ้าอยากจบก็ทำบันทึกไว้ มีพยานลงชื่อในบันทึกด้วย เขาจะได้เรียกร้องเพิ่มอีกไม่ได้

สอบถามเพิ่มเติมค่ะ
เมื่อวันที่ 2/6/57 ถูกคนร้ายงัดห้องพัก มีทรัพย์สินสูญหาย คือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค, สร้อยทอง 1 สลึง, แหวนทอง 1 วง,และจี้รัชกาลที่ 5
ภายในวันเดียวกัน จับกุมคนร้ายได้ คนร้ายรับสารภาพ และเจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค แต่ตำรวจอายัติไว้เป็นของกลาง (ยังไม่ได้รับของคืน) /แต่ในส่วนของทองพนักงานสืบสวนแจ้งว่า คงไม่ได้คืนเพราะคนร้ายเอาไปขายให้ร้านทองแล้ว ไม่มีหลักฐานซื้อขายอะไร จะเอาคืนไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่คนร้ายแจ้งแล้วว่าเอาไปขายไว้ที่ร้านไหน
1.นานแค่ไหนถึงจะได้โน๊ตบุ๊คคืนค่ะ
2.กรณีทองจะไม่ได้คืน ตามที่พนักงานสอบสวนบอก ใช่หรือไม่ค่ะ
3.ร้านทองที่รับซื้อไป ไม่ได้มีความผิดฐาน รับซื้อของโจรหรือค่ะ
4.พนักงานสอบสวนสามารถเรียกเรา เข้าไปเซ็นต์เอกสารต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาหรือไม่
แจ้งความตอน 19.30 น.
หลังจับคนร้ายได้ ตำรวจเรียกให้ไปรอที่ห้องสอบสวน จนถึงเที่ยงคืน ให้เซ็นเอกสาร และให้กลับ
ประมาณตีสองครึ่ง โทร.ตามให้ไปเซ็นเอกสารเพิ่ม บอกว่าถ้าไม่เข้าไป จะดำเนินการต่อไม่ได้ ต้องปล่อยตัวคนร้าย
ประมาณตีสี่ โทร.ตามให้ไปเซ็นต์เอกสารอีกรอบ (3แผ่น)
และรอบสุดท้าย เข้าไปเซ็นต์เอกสารตอนตี 5 (รอบสุดท้ายเป็นบันทึกประจำวันค่ะ)