ท่านทนาย และทีมงานค่ะ ดิฉันอยากจะปรึกษาท่านเกี่ยวกับคดีก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ. อาคาร 2522 คะ คือดิฉันมีบ้านอยู่ในชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือค่ะ เป็นบ้านไม้สองชั้นที่กำลังซ่อมแซม ในขณะซ่อมแซม มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้ามาและบอกว่าดิฉันทำการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมามีหมายมาติดหน้าบ้าน เป็นค.3 (ระงับการก่อสร้าง), ค.4 (ออกจากพื้นที่), ค.7 (รื้่อถอนออกทั้งหมด) ดิฉันเข้าไปติดต่อทางเขตแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ ช่วงนั้นดิฉันเองก็ไม่มีความรู้จึงไม่ได้ไปดำเนินเรือ่งต่อที่ศาลปกครองเพราะคิดว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ต่อมาได้มีพนักงานสอบสวนเรียกพ่อดิฉันเข้าไปสอบสวน ทางดิฉันให้การปฏิเสธ เพราะทางเขตได้กล่าวหาว่าทางดิฉันทำการก่อสร้างอาคารเพื่อการพาณิช เป็นอาคารโครงเหล็กสามชั้น ผนังก่ออิฐ ฉาบปูน พ่อดิฉันให้การปฏิเสธเพราะความจริงไม่ได้ก่อสร้างอาคารโครงเหล็ก 3 ชั้น เป็นเพียงแค่การซ่อมบ้านไม้2ชั้นเท่านั้น หลังจากที่ตำรวจสอบสวน พ่อดิฉันถูกส่งตัวไปที่พนักงานอัยการ และถูกฟ้องศาลโดยมีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ และพ่อดิฉันเป็นจำเลย ในศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีการสอบพยานใดๆ พ่อดิฉันรับสารภาพเนื่องจากได้ปรึกษากับทนายแล้วทนายแนะนำว่าให้ยอมรับไปเพราะมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไรก็แพ้อยู่ดี แล้วหากพ่อดิฉันยอมรับชาวบ้านละแวกนั้นจะได้ไม่มีใครเดือดร้อน (เพราะไม่มีใครในชุมชนขออนุญาตเขตเรื่องการก่อสร้างหรือซ่อมแซมอยู่เเล้ว) พ่อดิฉันจึงถามว่าในกรณีนี้จะถูกปรับเท่าไร ทางทนายแนะว่า ประมาณ 20,000 -30,000 บาท พ่อดิฉันจึงยอมรับสารภาพซึ่งวันนั้นเป็นวันที่สืบพยานฝั่งโจทก์ อย่างไรก็ดีพอถึงวันที่พิพากษาพ่อดิฉันถูกปรับประมาณ 2 แสนกว่าบาทแต่ได้ลดให้กึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 1.5 แสนบาท พ่อดิฉันเปลี่ยนทนายทันทีและให้ทนายคนใหม่ทำเรื่องอุทธรณ์ โดยทนายอุทธรณ์แค่เรื่องขอลดค่าปรับ แต่ตามเจตนาจริงๆ ของดิฉันคือ อยากให้ทนายช่วยเขียนเรื่องลักษณะของบ้านด้วย เนื่องจากไม่ตรงกับสำนวนฟ้องจึงเป็นเหตุให้ปฏิเสธมาตลอด พอวันนัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากท่านว่า ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่ามีการรื้อถอนใดๆ อีกทั้งตัวอาคารยังเป็นโครงเหล็กที่ไม่เหมาะสม3 ชั้น ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อผู้พักอาศัย โดยที่จำเลยไม่เห็นความสำคัญใดๆ ต่อผู้อื่น

ขณะนั้น ดิฉันเองอยากจะแถลงต่อท่านผู้พิพากษาด้วยซ้ำว่า ดิฉันไม่ได้มีอาคารโครงเหล็กใดๆ ตามที่สำนวนฟ้อง แต่คงไม่มีประโยชน์อะไร


ดิฉันได้เสียค่าปรับไปหมดแล้ว (จำนวน 150,000 บาท) ในวันพิพากษาชั้นต้น เมื่อถึงวันพิพากษาอุทธรณ์จึงไม่ได้เสียค่าปรับเพิ่มอีก


จึงอยากเรียนปรึกษาท่านเรื่อง

- หากดิฉันจะฎีกาต่อท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร

- ในกรณีที่เรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ ถ้าดิฉันอยากให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงจะทำได้หรือไม่ เนื่องจากสภาพบ้านก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ตอนที่ถูกฟ้องจนถึงปัจจุบัน

- ในกรณีที่ทนายแนะนำให้ยอมรับ โดยเสียค่าปรับแค่ 2-3 หมื่นบาท แต่ความจริงเสียค่าปรับ1.5 แสน ดิฉันสามารถฟ้องหรือเอาผิดทนายได้หรือไม่

- ดิฉันสามารถฟ้องเจ้าหน้าที่ท้องถื่น ตลอดถึงพนักงานอัยการได้หรือไม่เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแสดงแบบเเปลนที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และพนักงานอัยการก็ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนส่งเรื่องฟ้องศาล

- ในกรณีของดิฉัน พรบ. การรื้อฟื้นคดีอาญาเพื่อพิจารณาใหม่ พศ 2526 สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ได้หรือไม่

ดิฉันยังยืนยันว่าดิฉันไม่ได้มีการก่อสร้างอาคารเพื่อการพาณิชยกรรม โครงเหล็ก 3 ชั้น ผนังก่ออิฐ ฉาบปูนแน่นอน มีเพียงการซ่อมแซมบ้านไม้สองชั้น ซึ่ง ณ วันนี้ก็ยังมีอยู่ สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา ที่รับสารภาพก็เพราะเชื่อทนายความ (ผู้มีความรู้ด้านกฏหมาย) และอยากให้เรื่องจบด้วยค่าปรับ 2-3 หมื่นบาท จึงเรียนปรึกษาท่านเพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ

ดิฉันลืมบอกท่านทนายคะ คือตอนที่รับสารภาพ พ่อดิฉันบอกว่าไม่ได้ก่อสร้างตามสำนวนเป็นเเค่การซ่อม แต่พนักงานอัยการ (โจทก์) บอกว่า ไม่ว่าเป็นการซ่อมหรือสร้างหากไม่ได้ขออนุญาตก็ผิดอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมลักษณะ การกล่าวหาในสำนวนจึงไม่ระบุข้อเท็จจริง ทั้งพื้นที่ของบ้านและลักษณะของบ้าน

และพ่อดิฉันพูดในห้อง ต่อหน้าท่านผู้พิพากษาว่า ถ้าอย่างนั้นขอรับสารภาพว่าซ่อมบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาต หลังจากน้้นทนายของพ่อ จึงนำเอกสารมาให้เซน ข้อความระบุว่าขอยกเลิกการปฎิเสธทั้งหมด (เพราะก่อนหน้านั้นปฏิเสธไป2ครั้ง) และขอรับสารภาพตามสำนวนฟ้อง ในตอนนั้นพ่อก็ไม่ได้อ่านคะ ตื้อไปหมด เลยเซนไป ดิฉันเข้าใจว่าตอนนั้นทางศาลมีการบันทึกเทปค่ะ สามารถนำเทปมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่คะ

สุดท้ายก็ถูกปรับอย่างที่เล่าให้ฟังคะ อยากได้ความยุติธรรมมากคะ

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ กลุ้มใจจริงๆ:y:

ก่อนอื่นผมอยากทราบว่าศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไปเมื่อใดครับ ส่วนจะฎีกาโดยอ้างพยานหลักฐานใหม่ คงไม่ได้แล้ว คงฎีกาได้เฉพาะในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงโทษ คือปรับสูงเกินไป แต่ก็ต้องขออนุญาตฎีกา ถ้าผู้พิพากษาที่ลงชื่อในตำพิพากษาไม่อนุญาตให้ฎีกาก็ยื่นฎีกาไม่ได้

อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์วันที่ 17 กันยายน 56ค่ะ

ทนายบอกว่าไปขอขยายแล้ววันที่ 14 ตุลาคม 56คะ