เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อสองปีก่อนผมและแฟนทำธุรกิจ แต่ต่อมาเกิดขาดทุน เราจึงพยายามหาเงินมาหมุนเวียนโดยเราตกลงกันว่าทำเอกสารปลอมเป็นสหกรณ์ที่ไม่มีตัวตนเพื่อไปขอเงินขอพ่อแม่แฟนมาลงทุนโดยแฟนผมเป็นคนนำไปให้ โดยดำเนินการเช่นนี้ สองครั้ง ครั้งละ 5 แสนเป็นเงิน 1 ล้าน หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 11 มีนา 57 ที่ผ่านมาผมไปสารภาพสิ่งที่ได้ทำทั้งหมดกับพ่อแม่ของแฟนรวมทั้งเรื่องเอกสารปลอมนั้นด้วย โดยพ่อแม่ของแฟนตกลงให้เซ็นเอกสารการกู้เงินจำนวน 1 ล้านบาทไว้เป็นหลักฐานโดยครบกำหนดชำระภายในปี57 นี้แต่ไม่ได้กำหนดว่าจะชดใช้เดือนละเท่าไหร่ และชำระอย่างไรซึ่งเอกสารนี้มีแม่ผมเซ็นเป็นพยายานรับทราบ ผมมีทรัพย์สินที่เป็นของผมคือ คอนโดและรถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ซึ่งหลังจากที่พ่อของแฟนทราบ พ่อของแฟนผมที่เป็นเจ้าหนี้ ก็พยายามเร่งรัดเพื่อให้ผม ขายคอนโด ขายรถเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ โดยผมเองตั้งใจจะขายเพื่อนำเงินไปชำระหนี้อยู่แล้วแต่การขายมันต้องใช้เวลา แกก็บอกว่าเงินที่เอาไปมันตั้ง 2 ปีแล้วจะให้รอได้ยังไง แต่ในเอกสารการกู้ยืมก็ระบุไว้อยู่แล้วว่าจะชำระให้หมดภายในสิ้นปี 57 นี้ โดยแกเองก็ชอบพูดสำทับตลอดเวลาว่าไม่อยากให้จบไม่สวยบ้างละ เมื่อก่อนแกเคยเป็นนักเลงตีรันฟันแทงมาแล้วบ้างละ ผมรบกวนเรียนถามครับ
1. พ่อของแฟนผมสามารถแจ้งความดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารได้หรือไม่
2. เค้าสามารถเร่งรัดให้ผมขายคอนโดขายรถเพื่อนำไปใช้หนี้ได้หรือไม่
3. หลังจากที่เซ็นเอกสารกู้ยืมแล้ว เค้ามักจะนัดผมเข้าไปคุยที่บ้านเพื่อหาวิธีให้ชดใช้แล้วก้อเร่งรัดเรื่องเดิมๆ คือให้ขายคอนโดขายรถ ผมเองก้อต้องทำมาหากิน ผมควรไปหรือไม่ครับ พอจะมีคำแนะนำมั้ยครับเนื่องจากพ่อของแฟนมีประวัติใช้ความรุนแรงทั้งกับภรรยา ลูก และคนในหมู่บ้าน ผมควรเข้าไปหรือถ้าจำเป็นต้องเข้าไปมีวิธีป้องกันตัวอย่างไร
4. ครั้งที่ผมเข้าไปสารภาพความผิดที่บ้านเค้า รู้สึกว่าเค้าจะอัดเสียงไว้ด้วย ไม่ทราบว่าจะมีผลในการแจ้งความฟ้องเอาผิดได้หรือไม่ครับ
5 ในกรณีนี้ ที่ผมเซ็นเอกสารสัญญากู้เงินถือเป็นการแสดงเจตนายอมความหรือไม่ครับ
6 หากโดนฟ้องในกรณีปลอมแปลงเอกสาร แฟนผมจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ครับ คือผมไม่อยากให้ต้องโดนพัวพันไปด้วยนะครับ

ข้อหาปลอมเอกสารยังไม่ขาดอายุความ ยังดำเนินคดีได้อยู่
ส่วนที่ทำสัญญากู้กันไว้ เขาก็สามารถฟ้องได้ แต่ไม่มีอำนาจอะไรมาเร่งรัดให้ขายทรัพย์สิน ในกรณีคุณจะตกเป็นจำเลยหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง